ความรักระหว่างคู่รักต่างชาติในประเทศไทยและชาวไทยไม่เพียงแค่สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังเปิดเผยมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความแตกต่างในด้านวัฒนธรรม, ภาษา, และวิถีชีวิต บทความนี้จะพาคุณไปดูความสัมพันธ์ของคู่รักต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมกลุ่มคู่รักที่มาจากหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น คู่รักจาก ยุโรป, อเมริกัน, เอเชีย, ออสเตรเลีย, และตะวันออกกลาง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของ การปรับตัวและการใช้ชีวิตในบริบทที่แตกต่างกัน
สถิติการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติ จาก สำนักบริหารทะเบียน รายงานว่า ในเดือนมีนาคม 2567 จำนวนการจดทะเบียนสมรสระหว่าง หญิงไทยกับชายชาวต่างชาติ อยู่ที่ 767 ราย ส่วนจำนวนการจดทะเบียนสมรสระหว่าง ชายไทยกับหญิงชาวต่างชาติ อยู่ที่ 215 ราย
โดยการจดทะเบียนสมรสระหว่าง คนไทยกับชาวต่างชาติ มากที่สุด 5 ลำดับแรกดังนี้
ลำดับ | สัญชาติ | จำนวน |
1 | อังกฤษ | 113 |
2 | อเมริกา | 88 |
3 | ไต้หวัน | 58 |
4 | เยอรมัน | 57 |
5 | ออสเตรเลีย | 47 |
ขณะที่รายงานการจดทะเบียนหย่าระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติ ประจำเดือนมีนาคม 2567 พบว่า จำนวนการจดทะเบียนหย่าระหว่างหญิงไทยกับชายชาวต่างชาติ อยู่ที่ 194 ราย ส่วน การจดทะเบียนหย่าระหว่างชายไทยกับหญิงชาวต่างชาติ รวม 61 ราย
โดยจำนวน การจดทะเบียนหย่าระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติ มากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
ลำดับ | สัญชาติ | จำนวน |
1 | อังกฤษ | 26 |
2 | อเมริกา | 24 |
3 | จีน | 18 |
4 | เกาหลีใต้ | 14 |
5 | มาเลเซีย, เยอรมัน | 9 |
Table of Contents
ปัญหาที่พบสำหรับคู่รักต่างชาติในประเทศไทย 5 ประเด็น ดังนี้
1. อุปสรรคด้านภาษาและการสื่อสาร
อุปสรรคด้านภาษาและการสื่อสารในคู่รักต่างชาติ เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ เพราะภาษาเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างความเข้าใจ หากคู่รักมาจากประเทศที่ใช้ภาษาแตกต่างกัน การสื่อสารทั้งในระดับภาษาพูดและการเขียนก็อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในความหมาย บางคำที่ดูเหมือนจะเป็นคำพูดธรรมดาในภาษาเดียว แต่อีกภาษาหนึ่งอาจฟังดูไม่สุภาพ หรือทำให้เกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจได้
นอกจากความหมายที่ผิดพลาดแล้ว โทนเสียงและภาษากายก็อาจสื่อสารผิดพลาดเช่นกัน เช่น การแสดงออกในแบบที่วัฒนธรรมหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีกวัฒนธรรมหนึ่งอาจมองว่าเป็นการไม่เคารพ สิ่งนี้สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของทั้งสองฝ่าย เกิดความตึงเครียด การเถียงกัน หรือการหลีกเลี่ยงการสนทนา ซึ่งอาจสะสมเป็นปัญหาระยะยาวในความสัมพันธ์ได้
2. ความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ในคู่รักต่างชาติ การปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างทางศาสนา ประเพณี และค่านิยมเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ความหลากหลายเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจกันในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น วันคริสต์มาส ซึ่งเป็นวันที่เต็มไปด้วยความรักและการให้ของขวัญ แต่หากอีกฝ่ายไม่ได้มีการเฉลิมฉลองหรือไม่ถือเป็นวันสำคัญ ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกถูกมองข้าม หรือเกิดความไม่เข้าใจกันได้
นอกจากนี้ การแสดงออกถึงความรักในที่สาธารณะ เช่น การจับมือ กอด หรือจูบ ซึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาในบางวัฒนธรรม แต่ในวัฒนธรรมอื่นอาจถือว่าไม่เหมาะสมหรือเป็นสิ่งต้องห้าม ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจในบางครั้ง ส่วนเรื่องบทบาททางเพศและหน้าที่ในครอบครัวก็อาจเป็นจุดที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ในบางวัฒนธรรม บทบาทของผู้ชายและผู้หญิงอาจถูกแบ่งแยกชัดเจน ขณะที่วัฒนธรรมอื่น การแบ่งหน้าที่อาจไม่ได้ตายตัวและยืดหยุ่นมากกว่า
3. ปัญหาด้านกฎหมายและการจัดการเอกสาร
คู่รักต่างชาติที่ต้องการแต่งงานหรือขอวีซ่าในประเทศไทย มักพบกับความซับซ้อนของระบบกฎหมายและข้อบังคับในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการจัดการเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพำนักหรือการอยู่อาศัย การเตรียมเอกสารเหล่านี้ไม่เพียงแค่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดที่สำคัญ เช่น การแปลเอกสารให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในกรณีของประเทศไทย เอกสารส่วนใหญ่จะต้องแปลเป็นภาษาไทย พร้อมทั้งต้องได้รับการยืนยันความถูกต้องจากสถานทูตหรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการขอใบอนุญาตพำนัก การขอวีซ่าประเภทที่เหมาะสมกับสถานะของคู่รักต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าพำนักระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ระบบกฎหมายที่แตกต่างกันระหว่างประเทศของคู่รักอาจเพิ่มความซับซ้อน เช่น บางประเทศอาจมีการกำหนดเอกสารหรือขั้นตอนพิเศษที่ต้องปฏิบัติตาม การไม่เข้าใจหรือไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อการพำนักอยู่ในประเทศได้ ทั้งในด้านกฎหมายและการอยู่อาศัย
4. ปัญหาทางการเงินและการทำงาน
คู่รักต่างชาติที่มีแนวคิดทางการเงินที่แตกต่างกันมักต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการจัดการเงินร่วมกัน ความแตกต่างในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศอาจทำให้การบริหารเงินในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะหากคู่รักมีรายได้จากประเทศบ้านเกิดของตน ซึ่งมีค่าเงินที่ไม่สอดคล้องกับประเทศที่อีกฝ่ายอาศัยอยู่ นอกจากนี้ การที่ภาระด้านภาษีในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ก็อาจส่งผลให้การวางแผนทางการเงินยากยิ่งขึ้น ทั้งการยื่นเรื่องภาษีที่อาจต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละประเทศ
รวมถึงเรื่องการทำงานในต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คู่รักต้องคำนึงถึง เช่น การขอใบอนุญาตทำงานที่อาจใช้เวลานานและมีข้อกำหนดมากมาย หรือการหางานที่เหมาะสมกับความสามารถของตนในประเทศที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งนอกจากจะต้องเจอขั้นตอนการสมัครงานและสัมภาษณ์ในภาษาที่ไม่คุ้นเคยแล้ว ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมการทำงานของประเทศนั้น ๆ ด้วย
5. การปรับตัวกับการใช้ชีวิตในประเทศไทย
การใช้ชีวิตในประเทศใหม่ อย่าง ประเทศไทย อาจเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับคู่รักต่างชาติที่ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิมมาก ทั้งในด้านสภาพอากาศที่อาจร้อนและชื้นกว่าที่คุ้นเคย ทำให้การปรับตัวในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางในเมืองที่การจราจรคับคั่ง หรือการหาที่พักที่เหมาะสม อาจเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ การเลือกอาหารหรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหารท้องถิ่นก็อาจเป็นความท้าทายได้เช่นกัน โดยเฉพาะถ้าคู่รักมีข้อจำกัดในด้านอาหาร เช่น อาหารฮาลาล หรืออาหารมังสวิรัติ
ในด้านสุขภาพ การเข้าถึงบริการทางการแพทย์อาจเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะหากคู่รักไม่มีความคุ้นเคยกับระบบสาธารณสุขในประเทศ เช่น การเลือกโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือการหาผู้ให้บริการที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ส่วน ประกันสุขภาพก็เป็นอีกประเด็นที่อาจทำให้เกิดความกังวล เพราะในบางครั้ง การจัดทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติอาจมีเงื่อนไขที่ซับซ้อน หรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเดิม
ทำไมต้องปรึกษานักจิตบำบัด ?
นักจิตบำบัดสามารถให้คำปรึกษากับ คู่รักต่างชาติ เพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่แตกต่างได้ ด้วยวิธีการดังนี้
- การบำบัดด้วยการสื่อสาร นักบำบัดจะทำงานร่วมกับคุณในการช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารระหว่างคู่รัก โดยสำหรับบางคู่ เป็นการใช้พื้นที่ในการเปิดใจพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการของกันและกัน ซึ่งช่วยแก้ไข หรือ ลดความเข้าใจผิดของทั้งคู่ได้
- การบำบัดแบบเน้นปัญหา (Solution-Focused Therapy) มุ่งเน้นที่การหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้น นักบำบัดช่วยให้คู่รักหาสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้ชีวิตคู่ก้าวไปข้างหน้า
- การบำบัดด้วยการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ (Couples Counseling): นักบำบัดสามารถช่วยให้คู่รักสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ และช่วยจัดการด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น การจัดการกับความเครียด, ความวิตกกังวล, และ ปัญหาการปรับตัวในชีวิตคู่
- การบำบัดเชิงพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy – CBT) วิธีนี้ช่วยให้คู่รักเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น การวิจารณ์, การไม่เคารพ, หรือ การแสดงความไม่พอใจโดยใช้คำหยาบ วิธีนี้มุ่งเน้นให้ทั้งสองฝ่ายเรียนรู้วิธีการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้อย่างมีสติและสร้างสรรค์
- การบำบัดครอบครัว (Family Therapy) สำหรับคู่รักที่มีปัญหาทางครอบครัว เช่น การเลี้ยงลูกจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง นักบำบัดช่วยในการจัดการกับปัญหาและการปรับวิธีการเลี้ยงดูในครอบครัว
- การฝึกสติและการจัดการอารมณ์ ใช้วิธีการฝึกสติ (Mindfulness) และ การจัดการอารมณ์ เพื่อช่วยให้คู่รักรู้สึกสงบและสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ตัดสินหรือมีความเครียดเกินไป
นักจิตบำบัดสามารถช่วย คู่รักต่างชาติ จัดการความสัมพันธ์ด้วยการทำความเข้าใจปัญหาทาง วัฒนธรรม, ภาษา, และ ความคาดหวังที่แตกต่างกัน พวกเขาสามารถเป็นผู้ช่วยให้คู่รักเข้าใจมุมมองและความต้องการของกันและกัน รวมถึงการพัฒนาทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น นอกจากนี้ นักจิตบำบัดยังสามารถช่วยให้คู่รักค้นพบวิธีการจัดการความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจในความสัมพันธ์ ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัวและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
Counselling Thailand เข้าใจดีว่าการเลือกนักบำบัดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงจัดให้มีการเข้ารับ คำปรึกษาฟรี 15 นาทีสำหรับบุคคล และ 30 นาทีสำหรับคู่รักและครอบครัว โดยคุณสามารถกรอกแบบฟอร์มออนไลน์เพื่อให้เราช่วยเลือกนักจิตบำบัดที่ตรงกับความต้องการของคุณ จากนั้นเราจะส่งวันและเวลาที่ว่างให้ท่านเลือกเข้ารับการปรึกษาทางอีเมล
ในการปรึกษาครั้งนี้ เราจะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของคุณและตรวจสอบว่าหลักการของเราตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ พร้อมเปิดโอกาสให้คุณถามคำถามหรือข้อกังวลที่มี หากคุณตัดสินใจจะดำเนินการต่อ สามารถตกลงกับนักจิตบำบัดของเราได้เลย
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมก่อนการจอง สามารถเยี่ยมชมหน้า ‘คำถามที่พบบ่อย’ หรือกรอกคำถามในแบบฟอร์มออนไลน์ได้เลย