ในปัจจุบัน วัฒนธรรมการทำงานหนักเกินไป หรือ Overworking Culture กำลังกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลในสังคมไทยและทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน การตอบอีเมลงานหลังเวลางาน หรือการไม่ได้ลาพักร้อนนาน ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณของวัฒนธรรมที่ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพนักงาน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

ทำความเข้าใจ วัฒนธรรมการทำงานหักโหม
วัฒนธรรมการทำงานหักโหม คือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีการคาดหวังให้พนักงานทำงานเกินเวลาปกติอย่างต่อเนื่อง และมองว่าการทำงานล่วงเวลาหรือทำงานหนักเป็นเครื่องหมายของความทุ่มเท นอกจากนี้ยังมีการละเมิดเวลาส่วนตัวของพนักงาน และเกิดการแข่งขันในเรื่องชั่วโมงการทำงาน
รูปแบบของ วัฒนธรรมการทำงานหักโหม ในสังคมไทย
- ทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็น
- อยู่ในออฟฟิศดึกเพื่อแสดงความตั้งใจ
- ทำงานช้าเพื่อสร้างความรู้สึกว่างานเยอะ
- ไม่กล้าเลิกงานก่อนหัวหน้า
- ติดต่อเรื่องงานนอกเวลางาน
- ตอบไลน์หรืออีเมลงานตลอดเวลา
- ประชุมหรือรับโทรศัพท์งานหลังเลิกงาน
- ทำงานในวันหยุด
- วัฒนธรรมการไม่ลาพัก
- รู้สึกผิดเมื่อขอลาหยุด
- สะสมวันลาจนเต็มแต่ไม่เคยใช้
- มาทำงานแม้ตอนป่วย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
สาเหตุของ วัฒนธรรมการทำงานหักโหม
ปัจจัยจากองค์กร
- การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนงานที่ไม่ดี การมอบหมายงานเกินกำลัง
- วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นปริมาณชั่วโมงมากกว่าคุณภาพงาน และขาดนโยบายสนับสนุน Work-Life Balance
- ขาดแคลนบุคลากร และไม่มีระบบสนับสนุนเมื่อพนักงานลาหรือลาออก
ปัจจัยจากสังคมและวัฒนธรรม
- ความเชื่อที่ฝังราก เช่น การทำงานหนักเป็นคุณธรรม และการพักผ่อนถูกมองว่าเป็นความเกียจคร้าน
- ความกดดันทางเศรษฐกิจ ทั้งค่าครองชีพที่สูงและการแข่งขันในตลาดแรงงาน
- อิทธิพลของเทคโนโลยีที่ทำให้พนักงานถูกคาดหวังให้พร้อมตอบสนองงานได้ตลอดเวลา
ผลกระทบของ วัฒนธรรมการทำงานหักโหม
ต่อสุขภาพพนักงาน
- กายภาพ: โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ปัญหาการนอนหลับ และอาการเจ็บปวดจากการนั่งทำงานนาน
- จิตใจ: ความเครียด ซึมเศร้า Burnout และความรู้สึกหมดไฟ
- ความสัมพันธ์ส่วนตัว: ปัญหาครอบครัว ไม่มีเวลาสำหรับคนใกล้ชิด และการแยกตัวจากสังคม
ต่อองค์กร
- ประสิทธิภาพลดลง พนักงานเหนื่อยล้าและทำงานผิดพลาดมากขึ้น
- ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่ารักษาพยาบาล การลาป่วย และการจ้างพนักงานใหม่
- ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย เป็นอุปสรรคในการดึงดูดพนักงานที่มีคุณภาพ

แนวทางแก้ไข Overworking Culture
ในระดับองค์กร
- วางนโยบาย Work-Life Balance อย่างชัดเจน เช่น กำหนดเวลาทำงานที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการส่งงานนอกเวลา และสนับสนุนการลาพักร้อน
- ปรับปรุงระบบและกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีช่วย และวางแผนงานอย่างรอบคอบ
- พัฒนาผู้บริหารให้เข้าใจผลกระทบของการทำงานหนักเกินไป และส่งเสริมวัฒนธรรมที่สนับสนุนสุขภาพจิตของพนักงาน
ในระดับพนักงาน
- จัดการเวลาส่วนตัวให้มีขอบเขตที่ชัดเจน
- เรียนรู้ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปฏิเสธงานที่เกินความสามารถ
- ดูแลสุขภาพกายและใจ เช่น การออกกำลังกาย และฝึกจัดการความเครียด
การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี
- เคารพเวลาส่วนตัวของพนักงานและสนับสนุนเวลาพักผ่อน
- เน้นผลงานคุณภาพมากกว่าจำนวนชั่วโมง
- ดูแลสุขภาพและพัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง
การวัดผลและแนวทางป้องกันในอนาคต
- ใช้ตัวชี้วัดความสุขและประสิทธิภาพของพนักงาน เช่น อัตราการลาออกและผลตอบรับจากพนักงาน
- ส่งเสริมการศึกษาเรื่อง Work-Life Balance ตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยและฝึกอบรมในองค์กร
- สนับสนุนกฎหมายและนโยบายที่ปกป้องเวลางานและเวลาส่วนตัวของพนักงาน
Counselling Thailand มีบริการจากนักจิตบำบัดทั้งแบบออนไลน์และพบเจอกันตัวต่อตัว รองรับผู้ที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว พร้อมช่วยให้พนักงานเรียนรู้วิธีจัดการกับความกดดันและสร้างสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อชีวิตส่วนตัว
หากคุณหรือองค์กรกำลังเผชิญกับปัญหาการทำงานหนักเกินไปและต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อ Counselling Thailand เพื่อรับการช่วยเหลือที่เหมาะสมและเป็นมืออาชีพ