เริ่มต้นดูแลสุขภาพใจ

เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นเข้ารับคำปรึกษาอาจทำให้คุณกังวล
ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือสงสัยว่าการปรึกษาจะช่วยคุณได้จริงหรือไม่ เราพร้อมมอบประสบการณ์การปรึกษาที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในทุกขั้นตอน

รับคำปรึกษาเลย

คุณเคยรู้สึก FOMO (กลัวตกเทรนด์) ไหม?

เคยรู้สึกไหมว่า ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ไม่ได้ซื้อของลดราคา หรือไม่ได้ดูซีรีส์ที่ทุกคนพูดถึง คุณอาจพลาดอะไรสำคัญไป? ความรู้สึกนี้เรียกว่า FOMO (Fear of Missing Out) หรือ “กลัวตกเทรนด์” ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อโซเชียลมีเดียทำให้เรารับรู้เรื่องราวของคนอื่นตลอดเวลา ความรู้สึกนี้สามารถทำให้เราเริ่มรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่มี หรือรู้สึกว่าตัวเองกำลังพลาดโอกาสหรือประสบการณ์ที่คนอื่นได้รับไป

FOMO มักจะทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการไม่สามารถมีส่วนร่วมในสิ่งที่กำลังเป็นกระแสหรือที่คนอื่นพูดถึง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดความเครียดและความรู้สึกไม่พอใจในชีวิตประจำวันได้ เพราะเราเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากเกินไป แต่ที่จริงแล้ว การรู้จักจัดการกับ FOMO และการยอมรับว่าทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เรารู้สึกสงบและมีความสุขมากขึ้น

ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้วิธีการจัดการกับ FOMO อย่างมีประสิทธิภาพ และวิธีที่จะช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่มีคุณค่าจริงๆ ในชีวิตได้มากขึ้น โดยไม่ต้องถูกกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์หรือความคาดหวังจากสังคม

FOMO คืออะไร ?

FOMO ย่อมาจาก Fear of Missing Out ซึ่งหมายถึง ความกลัวว่าตัวเองจะพลาดสิ่งที่สำคัญ ความสนุกสนาน หรือมีคุณค่า โดยมักเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่าเรากำลังพลาดสิ่งที่คนอื่นกำลังทำ หรือประสบการณ์ที่ดูเหมือนจะพิเศษ เช่น การเห็นเพื่อนโพสต์รูปไปเที่ยวแล้วเกิดความอยากไปบ้าง หรือเมื่อเจอโปรโมชั่นลดราคาแล้วเกิดความกลัวว่าจะพลาดโอกาสดี ๆ นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นเมื่อเห็นคนอื่นพูดถึงเทรนด์ใหม่หรือสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะไม่สามารถตามทันหรือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแส

FOMO ไม่ได้จำกัดแค่การใช้เงินหรือการเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ ด้านของชีวิต เช่น ในการทำงานที่เราอาจรู้สึกว่าพลาดโอกาสในการได้รับการยอมรับ หรือในด้านการเรียนที่เรากังวลว่าตัวเองอาจจะไม่เก่งพอ หรือไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่สำคัญกับเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดและรู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ FOMO ยังสามารถมีผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวและการเข้าสังคม โดยทำให้เรารู้สึกไม่พอใจหรือไม่มั่นใจเมื่อเห็นคนอื่นมีประสบการณ์ที่ดูน่าตื่นเต้นหรือดีมากกว่าที่เราได้รับ

ในหลาย ๆ กรณี การมี FOMO ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของเรานั้นขาดหายไปบางอย่าง และเราพยายามตามทันเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเรากำลังพลาดอะไรที่สำคัญ แต่นั่นอาจเป็นการสร้างความเครียดและทำให้เราไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่

คุณเคยรู้สึก FOMO (กลัวตกเทรนด์) ไหม?

สาเหตุที่ทำให้เกิด FOMO

1. อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย

ในยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราสามารถเห็นชีวิตของคนอื่นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์รูปภาพ, ความสำเร็จของคนอื่น, หรือกิจกรรมที่พวกเขาทำ ซึ่งบ่อยครั้งเรามักจะเห็นเพียงแค่ส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตของคนอื่น ทั้งการท่องเที่ยว, การซื้อของ, หรือความสำเร็จในอาชีพ โดยไม่เห็นความท้าทายหรือปัญหาที่พวกเขาเผชิญ สิ่งนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า “คนอื่นดูเหมือนจะมีชีวิตที่สนุกและสมบูรณ์แบบกว่าฉัน” การเปรียบเทียบแบบนี้สามารถเพิ่มความวิตกกังวลและความเครียดได้ โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่าไม่สามารถทำตามมาตรฐานที่เห็นจากโซเชียลมีเดียได้

2. ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการทางสังคมอย่างลึกซึ้ง การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการมีความสุขและความรู้สึกว่ามีคุณค่า การไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่นิยม หรือไม่ได้ตามเทรนด์ล่าสุดที่ทุกคนพูดถึงอาจทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง หรือไม่ได้รับการยอมรับในสังคม สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกกดดันและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเข้ากับกระแสและได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง

3. วัฒนธรรมการอัปเดตแบบเรียลไทม์

ปัจจุบัน โลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว การอัปเดตและการแชร์ข่าวสารเกิดขึ้นในแบบเรียลไทม์ เทรนด์ใหม่ ๆ หรือเหตุการณ์สำคัญมักเกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เรารู้สึกว่าหากเราไม่ติดตามข่าวสารและการอัปเดตทันเวลา เราจะกลายเป็นคนที่ “เชย” หรือ “ไม่ทันสมัย” ความรู้สึกนี้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องพยายามตามทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดออกจากกระแส และไม่อยากพลาดสิ่งที่อาจเป็นโอกาสดีในชีวิตหรือในวงสังคม

ผลกระทบของ FOMO ต่อสุขภาพจิต

ความเครียดและวิตกกังวล

การรู้สึกว่าต้องตามทุกสิ่งทุกอย่างให้ทันหรือไม่พลาดสิ่งใดๆ ในชีวิตประจำวันสามารถทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างมาก เมื่อเรารู้สึกกดดันที่จะต้องมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมหรือกระแสที่เกิดขึ้น เราจะพบว่าไม่สามารถหยุดพักหรือผ่อนคลายได้เลย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เรารู้สึกไม่สงบและไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้

การนอนไม่หลับ

การเล่นโซเชียลมีเดียและการตรวจสอบข่าวสารตลอดเวลาเป็นพฤติกรรมที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากความกลัวว่าจะพลาดข่าวสารสำคัญหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ทำให้หลายคนใช้เวลาไปกับการอัปเดตโซเชียลมีเดียหรือรับข้อมูลใหม่ๆ จนดึกเกินไป ส่งผลให้การนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อความสดชื่นในเช้าวันถัดไปและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น

ความไม่พอใจในชีวิตตัวเอง

การเปรียบเทียบชีวิตของเรากับชีวิตของคนอื่นบนโซเชียลมีเดียอาจทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่น่าสนใจหรือไม่น่าพอใจ เมื่อเห็นว่าคนอื่นไปเที่ยวที่สวยงาม, ได้รับโอกาสพิเศษ, หรือประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน เราอาจจะเริ่มรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีหรือทำอยู่ ทำให้ขาดความภูมิใจในชีวิตตัวเองและอาจเกิดความรู้สึกขาดความมั่นใจได้

วิธีรับมือกับ FOMO

1. ฝึกอยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness)

การฝึกอยู่กับปัจจุบัน หรือที่เรียกว่า Mindfulness เป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถปล่อยวางจากความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่พลาดไปในอดีตหรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต การฝึกสมาธิหรือการทำกิจกรรมที่มีสมาธิ เช่น การเดิน, การหายใจลึกๆ หรือการทำอาหารอย่างใส่ใจ จะช่วยให้คุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ลดความวิตกกังวลที่เกิดจากการเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นและช่วยเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน

2. จำกัดเวลาใช้โซเชียลมีเดีย

การลดเวลาที่ใช้ในการดูโซเชียลมีเดียเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยให้คุณควบคุม FOMO ได้ การติดตามฟีดข่าวตลอดเวลาสามารถทำให้คุณรู้สึกว่าไม่มีทางหลีกหนีจากการตามกระแสหรือกิจกรรมต่างๆ ได้ ดังนั้นลองตั้งเวลาจำกัดในการใช้โซเชียลมีเดียในแต่ละวัน หรือเลือกติดตามเพจและคอนเทนต์ที่ให้แรงบันดาลใจและสร้างความรู้สึกดีๆ แทนที่จะโฟกัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความรู้สึกไม่พอใจ

3. ฝึกขอบคุณสิ่งที่มี (Gratitude Practice)

การฝึกขอบคุณในสิ่งที่มีในชีวิตสามารถช่วยให้คุณมองโลกในแง่ดีและลดความรู้สึกขาดแคลนได้ ลองใช้เวลาทุกวันเพื่อเขียน 3 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ความสุขที่ได้รับจากการดื่มกาแฟร้อนๆ หรือจากการใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ความฝึกนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณมีแทนที่จะมองหาสิ่งที่ขาดหายไป

4. ปรึกษานักจิตบำบัด

FOMO ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออารมณ์หรือชีวิตประจำวันของคุณ เช่น ความเครียดหรือวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง การพูดคุยกับนักจิตบำบัดอาจช่วยให้คุณจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ดีขึ้น นักจิตบำบัดสามารถช่วยคุณสำรวจและเข้าใจรากฐานของความรู้สึก FOMO และแนะนำวิธีการที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับมัน รวมถึงการฝึกทักษะในการจัดการกับความเครียดหรือการตั้งเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อสร้างความสุขในชีวิต

คุณเคยรู้สึก FOMO (กลัวตกเทรนด์) ไหม?

หากคุณรู้สึกว่า FOMO กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณและทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล หรือไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ อย่าลืมว่า คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับมันเพียงลำพัง ลองให้เวลากับตัวเองเพื่อหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ ที่มีอยู่ในชีวิต เช่น การออกไปเดินเล่นในที่ที่คุณชอบ หรือการใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัวและเพื่อน ซึ่งจะช่วยให้คุณได้มีพื้นที่ในการพักผ่อนและลดความเครียด

หรือการจัดการกับ FOMO ยังคงเป็นเรื่องยากและมันเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและสุขภาพจิตของคุณอย่างรุนแรง การพูดคุยกับนักจิตบำบัดอาจช่วยให้คุณสามารถเข้าใจและจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น นักจิตบำบัดจะช่วยให้คุณเข้าใจรากฐานของความวิตกกังวลและให้เครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณรับมือได้


Counselling Thailand พร้อมให้บริการนักจิตบำบัดที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตจาก FOMO หรือปัญหาทางจิตอื่นๆ สามารถขอคำปรึกษาและการสนับสนุนจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและสมดุลมากขึ้น เราพร้อมช่วยให้คุณกลับมาค้นพบความสุขในชีวิตจริงและยอมรับตัวเองในทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เริ่มต้นดูแลสุขภาพใจ

ปรึกษาฟรี 15 นาที

เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นเข้ารับคำปรึกษาอาจทำให้คุณกังวล
ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือสงสัยว่าการปรึกษาจะช่วยคุณได้จริงหรือไม่ เราพร้อมมอบประสบการณ์การปรึกษาที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในทุกขั้นตอน

รับคำปรึกษาเลย