ใครๆ ก็เคยเจอปัญหานี้มาแล้ว คือการต้องทำงานกับคนที่เราไม่ค่อยชอบหรือไม่ถูกจริต ไม่ว่าจะเป็นเพราะบุคลิกที่ไม่ลงตัว วิธีทำงานที่ไม่เข้ากัน หรือความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความสุขในการทำงานและประสิทธิภาพของเราได้อย่างมาก
แต่ความจริงคือ ในชีวิตการทำงาน เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะทำงานกับใครบ้าง เราต้องหาทางอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้งานสำเร็จและบรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจตัวเอง
ก่อนที่จะมองคนอื่น เราควรพิจารณาตัวเองก่อนว่า เหตุใดเราจึงไม่ชอบคนคนนั้น บางครั้งปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่พวกเขา แต่อยู่ที่อคติหรือความคิดล่วงหน้าของเราเอง
ลองถามตัวเองว่า ความรู้สึกไม่ชอบนี้เกิดจากเรื่องจริงหรือเป็นแค่ความคิดของเราเอง, เรามีอคติต่อพวกเขาจากเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานหรือไม่ และเราเคยให้โอกาสพวกเขาแสดงตัวตนที่แท้จริงหรือไม่
มองหาจุดเด่นและความสามารถของเขา
ทุกคนย่อมมีจุดเด่นและความสามารถบางอย่าง แม้จะเป็นคนที่เราไม่ชอบก็ตาม การมองหาสิ่งดีๆ ในตัวเขาจะช่วยให้เราเปลี่ยนทัศนคติและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
ลองสังเกตว่าเขาทำอะไรได้ดี เก่งในเรื่องใด หรือมีประสบการณ์ที่น่าสนใจ การเห็นคุณค่าในตัวคนอื่นจะทำให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน
หลักสำคัญในการทำงานคือ การไม่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมาขัดขวางการทำงาน เราอาจไม่ชอบบุคลิกของเขา แต่ถ้าเขาทำงานได้ดีและมีความรู้ความสามารถ เราควรให้ความเคารพในด้านวิชาชีพ
จำไว้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนสนิทกับเขา แต่เราต้องทำงานร่วมกันให้สำเร็จ การแยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับความต้องการในการทำงานจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น
สร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การสื่อสารที่ดีคือกุญแจสำคัญในการทำงานร่วมกับคนที่เราไม่ชอบ ให้ความสำคัญกับเนื้อหาของงานมากกว่าความรู้สึกส่วนตัว เมื่อต้องคุยงานด้วยกัน จงมีท่าทีที่สุภาพ พูดจาตรงไปตรงมา และมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของงาน หลีกเลี่ยงการแสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมาทางหน้าตาหรือน้ำเสียง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้บรรยากาศในการทำงานแย่ลง
ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
การตั้งขอบเขตที่ชัดเจนจะช่วยให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ กำหนดช่วงเวลาในการทำงาน หรือวิธีการติดต่อสื่อสาร เมื่อมีกรอบการทำงานที่ชัดเจน ความขัดแย้งส่วนตัวจะลดลง และทุกคนจะรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง
การจัดการอย่างสร้างสรรค์
เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น อย่าปล่อยให้มันสะสม หาทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการโทษใคร ถ้าสถานการณ์รุนแรงมาก อาจต้องขอความช่วยเหลือจากหัวหน้างานหรือฝ่ายบุคคล แต่ให้ลองแก้ไขด้วยตัวเองก่อน โดยการคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและมีเหตุผล
สร้างพันธมิตรในที่ทำงาน
การมีเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจและให้กำลังใจจะช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ที่ท้าทายได้ แต่ระวังอย่าไปนินทาหรือพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา เพราะสิ่งเหล่านี้จะกลับมาทำร้ายเราเอง แทนที่จะไปบ่นให้เพื่อนร่วมงานฟัง ให้ขออำนาจใจหรือคำแนะนำในการจัดการกับสถานการณ์แทน
พัฒนาทักษะการจัดการอารมณ์
การควบคุมอารมณ์ของตัวเองเป็นทักษะสำคัญในการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับคนที่เราไม่ชอบ เรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การนับจากหนึ่งถึงสิบก่อนตอบ หรือการหาเวลาพักสักครู่เมื่อรู้สึกอารมณ์เสีย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
มองหาโอกาสในการเรียนรู้
ทุกสถานการณ์ท้าทายล้วนมีบทเรียนที่ซ่อนอยู่ การทำงานกับคนที่เราไม่ชอบอาจสอนให้เราอดทน มีความยืดหยุ่น หรือพัฒนาทักษะการสื่อสารให้ดีขึ้น นอกจากนี้ คนที่เราไม่ชอบอาจมีมุมมองหรือประสบการณ์ที่แตกต่าง ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการเติบโตของเราได้

รู้จักเมื่อไหร่ที่ควรขอความช่วยเหลือ
หากสถานการณ์รุนแรงจนส่งผลต่อสุขภาพจิตหรือประสิทธิภาพการทำงานอย่างมาก อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ บางครั้งการมีคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย หรือการย้ายทีมงานอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามจนกระทบต่อสุขภาพหรือความก้าวหน้าในการทำงาน
หากคุณรู้สึกว่าปัญหาในที่ทำงานส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตหรือความเป็นอยู่อย่างรุนแรง Counselling Thailand มีนักจิตบำบัดและนักให้คำปรึกษาที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ในที่ทำงาน การจัดการความเครียด และทักษะการสื่อสาร เพื่อช่วยให้คุณจัดการกับสถานการณ์ยากลำบากเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาย แต่เป็นการลงทุนในสุขภาพจิตและอนาคตในการทำงานของเราเอง