สงกรานต์เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน การเฉลิมฉลอง และการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง หลายคนมีโอกาสได้พักผ่อน ท่องเที่ยว และทำกิจกรรมที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน บรรยากาศของเทศกาลเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการเชื่อมโยงกับผู้คนรอบตัว ทำให้หลายคนรู้สึกมีความสุขและสนุกไปกับช่วงเวลานี้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทศกาลจบลง หลายคนกลับพบว่าความรู้สึกเหล่านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว อาจรู้สึกว่างเปล่า หมดแรงจูงใจ หรือแม้กระทั่งไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน การต้องกลับเข้าสู่ชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบและความเครียด อาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่หรือเบื่อหน่าย อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของ Post-Holiday Blues หรือ ภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุด ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยหลังจากช่วงเวลาของการพักผ่อนหรือเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสุข ความรู้สึกเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อเราต้องกลับมาสู่กิจวัตรเดิมๆ ที่อาจไม่ได้ให้ความตื่นเต้นหรือความสุขเท่ากับช่วงเทศกาล
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้สามารถจัดการได้ หากเราเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้และเรียนรู้วิธีรับมืออย่างถูกต้อง มาดูกันว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ Post-Holiday Blues และเราจะก้าวข้ามมันไปได้อย่างไร
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากวันหยุดสู่ชีวิตประจำวัน
ช่วงสงกรานต์เป็นเวลาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและการเปลี่ยนแปลงจากกิจวัตรปกติ หลายคนได้ใช้เวลาพักผ่อน เดินทางไปเที่ยว พบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาและตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ๆ แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตตามปกติ ความรู้สึกเหล่านี้อาจหายไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเหมือนสูญเสียบางสิ่งไป หรือแม้กระทั่งเกิดอาการ “Post-Holiday Blues” ซึ่งเป็นภาวะที่หลายคนรู้สึกหมดพลัง ไม่อยากกลับเข้าสู่กิจวัตรเดิม และขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ
วิธีรับมือ
ค่อยๆ ปรับตัวกลับสู่กิจวัตรประจำวัน เช่น วางแผนให้มีช่วงเวลาพักผ่อนหลังวันหยุดอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ปรับตัวก่อนเข้าสู่การทำงานเต็มรูปแบบ
สร้างกิจกรรมเล็กๆ ที่ช่วยให้รู้สึกตื่นเต้นและผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือที่ชอบ ดูภาพยนตร์ หรือออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
ฝึกการวางแผนล่วงหน้าให้กับสัปดาห์แรกหลังวันหยุด โดยเริ่มต้นด้วยงานที่ไม่หนักจนเกินไป และให้เวลาตัวเองปรับตัวทีละน้อย
ความคาดหวังที่สูงเกินไปต่อช่วงวันหยุด
หลายคนตั้งความหวังว่าสงกรานต์ต้องเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน และไร้ปัญหา แต่ในความเป็นจริง อาจมีปัจจัยที่ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เช่น ปัญหาการเดินทางที่แออัด สภาพอากาศที่แปรปรวน หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดความผิดหวัง และส่งผลให้หลังจบเทศกาลรู้สึกว่างเปล่า
วิธีรับมือ
ปรับมุมมองให้ยืดหยุ่น โดยโฟกัสไปที่ช่วงเวลาดีๆ ที่เกิดขึ้นแทนการจดจ่อกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผน เพราะทุกประสบการณ์ล้วนมีคุณค่าในตัวเอง
ฝึกการมีสติและอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น เช่น ใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการฝึกสมาธิเพื่อช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
เขียนไดอารี่หรือโพสต์เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ดีของช่วงสงกรานต์ เพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำเชิงบวก และช่วยให้รู้สึกดีกับเทศกาลที่ผ่านไป

ภาวะเหนื่อยล้าทางอารมณ์และร่างกาย (Emotional & Physical Fatigue)
การเดินทาง ปาร์ตี้ กิจกรรมสาดน้ำ หรือการพบปะผู้คนจำนวนมากตลอดช่วงสงกรานต์ อาจทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเหนื่อยล้าโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจรู้สึกหมดพลัง อ่อนเพลีย หรือแม้กระทั่งไม่อยากทำอะไรเลยเมื่อกลับมาสู่ชีวิตปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและอารมณ์ในแต่ละวัน
วิธีรับมือ
พักผ่อนให้เพียงพอโดยเข้านอนเร็วขึ้น และพยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างพลังงาน
จัดสรรเวลาให้มีช่วงพักระหว่างการทำงาน เช่น การยืดเส้นยืดสายระหว่างวัน หรือหาเวลาผ่อนคลายสั้นๆ ด้วยการฟังเพลงเบาๆ หรือดื่มชาสมุนไพร
การขาดแคลนฮอร์โมนแห่งความสุข (Dopamine Crash)
ช่วงวันหยุด ฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสุขและความตื่นเต้น หลั่งออกมามากจากกิจกรรมที่สนุกสนาน เช่น การพบปะเพื่อนฝูง เที่ยวสถานที่ใหม่ๆ หรือทำกิจกรรมที่เรารัก แต่เมื่อกลับมาสู่กิจวัตรเดิม ระดับฮอร์โมนนี้ลดลง ทำให้เกิดอาการเฉื่อยชา ไม่มีแรงจูงใจ หรือแม้แต่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวัน
วิธีรับมือ
สร้างกิจกรรมเล็กๆ ที่ให้ความสุขในชีวิตประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย ฟังเพลงโปรด ทำอาหารอร่อยๆ หรือออกไปเดินเล่นในที่ที่เงียบสงบ
ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้กับตัวเอง เช่น การเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือวางแผนทริปสั้นๆ ในอนาคต เพื่อกระตุ้นความตื่นเต้นและแรงจูงใจ
ให้รางวัลตัวเองเป็นระยะๆ เช่น การซื้อของขวัญเล็กๆ ให้ตัวเอง หรือการใช้เวลากับกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข
ความรู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากการใช้เวลาร่วมกับผู้อื่น
ในช่วงสงกรานต์ หลายคนได้ใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ได้รับพลังบวกจากคนรอบตัว แต่เมื่อเทศกาลจบลงและต้องกลับมาอยู่คนเดียวหรือกลับมาสู่สภาพแวดล้อมที่มีความเครียด อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหงาหรือเศร้าได้
วิธีรับมือ
หาโอกาสนัดพบปะเพื่อนๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นการทานข้าวมื้อเย็นสั้นๆ หรือพูดคุยผ่านวิดีโอคอล ก็ช่วยให้รู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้
เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกมีส่วนร่วม เช่น การเข้าร่วมคลาสออกกำลังกาย กิจกรรมอาสาสมัคร หรือกลุ่มสนทนาออนไลน์ที่มีความสนใจคล้ายกัน
ใช้เวลากับกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกดี เช่น การวาดรูป การอ่านหนังสือ หรือการฝึกสมาธิ ซึ่งช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพจิตและสร้างความสมดุลให้กับอารมณ์ได้มากขึ้น
อาการว่างเปล่าหลังสงกรานต์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับหลายคน โดยเฉพาะเมื่อเราต้องกลับเข้าสู่ชีวิตประจำวันหลังจากช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและกิจกรรมสนุกสนาน การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองไปสู่การทำงานหรือการเรียนอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและขาดแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้และสามารถจัดการได้ ด้วยการดูแลตัวเองที่ดีและการปรับมุมมองในเชิงบวก การให้เวลาตัวเองในการปรับตัว รวมถึงการหากิจกรรมที่ช่วยเติมเต็มชีวิต เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือการพบปะกับเพื่อนฝูง จะช่วยให้คุณกลับมามีแรงจูงใจและความสุขในชีวิตอีกครั้ง
นอกจากนี้ หากคุณรู้สึกว่าอาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ประจำวันมากเกินไป การขอคำปรึกษาจากนักจิตบำบัดก็เป็นทางเลือกที่ดี นักจิตบำบัดของ Counseling Thailand พร้อมให้บริการทั้งในแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณในหลายภาษา เช่น ไทย, อังกฤษ, จีน, มลายู, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, เกาหลี, ฮินดี, ปัญจาบ และอูรดู ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมช่วยเหลือคุณให้สามารถจัดการกับ Post-Holiday Blues และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมั่นคงอีกครั้ง