เริ่มต้นดูแลสุขภาพใจ

เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นเข้ารับคำปรึกษาอาจทำให้คุณกังวล
ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือสงสัยว่าการปรึกษาจะช่วยคุณได้จริงหรือไม่ เราพร้อมมอบประสบการณ์การปรึกษาที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในทุกขั้นตอน

รับคำปรึกษาเลย

วิธีรับมือกับการรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ควรหยุดยังไง ?

การรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน หรือที่เรียกว่า Mobbing เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายองค์กรโดยที่คนส่วนใหญ่อาจไม่ทันตระหนักถึงความร้ายแรงของมัน การกลั่นแกล้งในลักษณะนี้มักจะมาในรูปแบบของการกระทำซ้ำ ๆ หรือพฤติกรรมที่มุ่งทำให้เกิดความอับอาย กดดัน หรือกีดกันผู้ร่วมงานคนหนึ่งออกจากกลุ่ม เช่น การนินทา การใช้คำพูดเชิงลบ การกีดกันจากการทำงานร่วมกัน หรือแม้กระทั่งการตั้งใจทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีค่า

การกลั่นแกล้งในที่ทำงานไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า หรือความเครียดที่อาจลุกลามไปถึงปัญหาสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กรโดยรวม บรรยากาศในที่ทำงานที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความขัดแย้ง ที่ลดทอนความสามารถในการทำงานร่วมกัน และอาจนำไปสู่การลาออกของพนักงานที่มีความสามารถ ซึ่งจะทำให้องค์กรสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีค่า

นอกจากนี้ Mobbing ยังส่งผลกระทบในระยะยาวต่อวัฒนธรรมองค์กร หากไม่ได้รับการแก้ไขหรือป้องกัน องค์กรอาจถูกมองว่าเป็นสถานที่ทำงานที่ไม่เป็นมิตรและไม่มีความปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลต่อการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพในอนาคต

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความหมายของ Mobbing พร้อมกับการสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหา เพื่อให้สามารถระบุและจัดการได้อย่างทันที รวมถึงการเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความสุขและความสำเร็จในองค์กร

วิธีรับมือกับการรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ควรหยุดยังไง ?

การรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงานคืออะไร?

Mobbing คือการกระทำในลักษณะการกดดัน ข่มขู่ หรือทำให้อับอาย โดยเกิดจากกลุ่มคนร่วมมือกันตั้งใจทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกกีดกันในที่ทำงาน การกระทำเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยในแต่ละเหตุการณ์ แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ถูกกระทำ การกระทำดังกล่าวอาจเป็นได้ทั้งทางคำพูด เช่น การพูดประชดประชัน การล้อเลียน การใส่ร้าย หรือกระจายข่าวลือ ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงออกผ่านพฤติกรรม เช่น การมองข้าม การกีดกันจากกิจกรรม หรือแม้กระทั่งการเพิกเฉยต่อความคิดเห็นและความพยายามของผู้ถูกกระทำ

ผลกระทบจาก Mobbing ไม่เพียงทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายขาดความมั่นใจในตนเอง แต่ยังนำไปสู่ความเครียดสูง อาการวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน สุขภาพจิต และความสุขในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างพฤติกรรม Mobbing :

  • การใส่ร้ายหรือกระจายข่าวลือ

การบิดเบือนความจริงหรือแพร่ข่าวลือเชิงลบเกี่ยวกับผู้ถูกกระทำ เพื่อทำให้บุคคลนั้นสูญเสียความเชื่อมั่นจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน

  • การกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือการประชุม

การจงใจละเว้นหรือไม่เชิญผู้ถูกกระทำเข้าร่วมในกิจกรรมสำคัญของทีม เช่น การประชุมหรือการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ

  • การล่วงละเมิดด้วยคำพูดหรือพฤติกรรมเชิงลบ

การพูดจาประชดประชัน ล้อเลียน หรือวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะ เพื่อทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกอับอายหรือด้อยค่า

ผลกระทบของการรุมกลั่นแกล้ง

ผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำ

  1. สุขภาพจิต 

ผู้ถูกกระทำมักเผชิญกับผลกระทบด้านสุขภาพจิตที่รุนแรง เช่น ความเครียดเรื้อรัง ความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น หรือภาวะซึมเศร้าที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว อย่างภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) หรือแม้แต่ความคิดทำร้ายตัวเอง

  1. การทำงาน

ความสามารถในการตัดสินใจของผู้ถูกกระทำลดลง เนื่องจากความกดดันและบรรยากาศที่เป็นลบในที่ทำงาน นอกจากนี้ ผู้ถูกกระทำอาจสูญเสียความมั่นใจในทักษะและศักยภาพของตนเอง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจกระทบต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือพัฒนาตนเองในสายงาน

ผลกระทบต่อองค์กร

  1. ขวัญกำลังใจ

พฤติกรรมการกลั่นแกล้งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการทำงานโดยรวม ทำให้ความสามัคคีในทีมลดลง พนักงานอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่มั่นใจที่จะสื่อสารและร่วมมือกันอย่างเปิดเผย ซึ่งส่งผลเสียต่อความสามารถในการทำงานร่วมกันและการบรรลุเป้าหมายขององค์กร

  1. อัตราการลาออก

การเกิด Mobbing ในองค์กรมักนำไปสู่การลาออกของพนักงานที่ได้รับผลกระทบ พนักงานที่มีศักยภาพสูงอาจเลือกที่จะลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน ส่งผลให้องค์กรต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการจ้างและฝึกอบรมพนักงานใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและความต่อเนื่องขององค์กรในระยะยาว

วิธีรับมือกับการรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ควรหยุดยังไง ?

วิธีหยุดการรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน

สำหรับผู้ถูกกระทำ

  • เก็บหลักฐาน

การบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การจัดเก็บอีเมล ข้อความ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการร้องเรียนหรือดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น การบันทึกเหตุการณ์ควรรวมถึงวันเวลา สถานที่ และพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยให้สามารถอ้างอิงได้อย่างชัดเจน

  • พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

หากเผชิญกับ Mobbing ควรแจ้งหัวหน้า ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือผู้บริหารที่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหา การพูดคุยควรเน้นข้อเท็จจริงและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพการทำงานของตน เพื่อกระตุ้นให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สำหรับองค์กร

  • นโยบายที่ชัดเจน

องค์กรควรมีการกำหนดกฎระเบียบและนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการปัญหาการกลั่นแกล้ง เช่น การระบุขั้นตอนการร้องเรียนและการลงโทษสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานทุกคนรับทราบและปฏิบัติตาม

  • การอบรม

การจัดกิจกรรมอบรมเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งในที่ทำงานจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในองค์กร เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารที่เหมาะสม การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ส่งผลเสีย และการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีในทีม

สำหรับผู้สังเกตการณ์

  • สนับสนุนผู้ถูกกระทำ

  • การแสดงความเห็นใจและให้การสนับสนุนผู้ที่เผชิญกับปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเป็นที่พึ่งพิงทางอารมณ์ หรือการแสดงตัวเป็นพยานในกรณีที่มีการสอบสวน เพื่อช่วยให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกไม่โดดเดี่ยว

  • รายงานเหตุการณ์

  • หากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรแจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น หัวหน้า ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือผู้บริหาร ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขและป้องกันปัญหาในอนาคต

การรุมกลั่นแกล้งในที่ทำงานไม่ใช่ปัญหาที่ควรมองข้าม เพราะมันส่งผลกระทบต่อทั้งบุคคลและองค์กรอย่างร้ายแรง การเข้าใจถึงลักษณะของปัญหาและการมีมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและสนับสนุนความสำเร็จในระยะยาว หากคุณสนใจการอบรมเรื่องการจัดการการกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ทาง Counseling Thailand ยินดีให้บริการ เพราะเรามีนักจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและปลอดภัย

เริ่มต้นดูแลสุขภาพใจ

ปรึกษาฟรี 15 นาที

เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นเข้ารับคำปรึกษาอาจทำให้คุณกังวล
ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือสงสัยว่าการปรึกษาจะช่วยคุณได้จริงหรือไม่ เราพร้อมมอบประสบการณ์การปรึกษาที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในทุกขั้นตอน

รับคำปรึกษาเลย